เกี่ยวกับชุมชน

ข้อมูลชุมชน

            จังหวัดประจวบคีรีขันธ์นั้นพบว่า มีพื้นที่และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการปลูกโกโก้เป็นอย่างมาก โดยจัดเป็น 1 ใน 8 จังหวัดที่มีการปลูกโกโก้แซมพืชหลัก เช่น มะพร้าว ปาล์มน้ำมัน ยางพารา และมีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกโกโก้ โดยเฉพาะในเขตอำเภอบางสะพาน การเพาะปลูกโกโก้ของกลุ่มของเกษตรกรผู้เพาะปลูกโกโก้บ้านช้างแรก อำเภอบางสะพานน้อย ประจวบคีรีขันธ์ กลุ่มเกษตรกรผู้เพาะปลูกโกโก้มีกระบวนการผลิตเมล็ดโกโก้ที่มีคุณภาพ และมีการเพิ่มมูลค่าของโกโก้จากการแปรรูปภายในกลุ่ม โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง     
             เกษตรกรผู้ปลูกโกโก้ ชุมชนช้างแรก อำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สามารถบริหารจัดการโกโก้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการใช้ส่วนต่างๆ ของต้นโกโก้เกือบทั้งหมด ไม่ให้เหลือทิ้งเป็นขยะ แต่เปลี่ยนสิ่งเหล่านั้นให้เป็นประโยชน์ต่อชุมชน เช่น การนำเปลือกของผลโกโก้และใบของโกโก้มาทำเป็นอาหารสัตว์ การนำเปลือกเมล็ดมาแปรรูปเป็นชา รวมไปถึงบีบสกัดเนื้อโกโก้เพื่อนำมาแปรรูปเป็นสบู่โกโก้บัตเตอร์และกรองเนยโกโก้ให้มีคุณภาพจนสามารถขายเป็น เนยโกโก้ 100% ได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ชุมชนลดการสร้างขยะจากกระบวนการแปรรูปได้อย่างมาก รวมไปถึงการลดต้นทุนในเรื่องอาหารสัตว์เพิ่มเติมอีกทางหนึ่งด้วย      
             โกโก้ (cocoa) จัดเป็นพืชเศรษฐกิจที่กำลังได้รับความนิยมในการเพาะปลูกอย่างมากในปัจจุบัน จากความนิยมในการบริโภคของประชากรในหลายประเทศทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น จึงส่งผลให้ตลาดโลกมีความต้องการโกโก้ในปริมาณที่สูงขึ้นไปด้วย สำหรับสถานการณ์การผลิตและการตลาดโกโก้ของไทยพบว่า ในปี 2563 มีปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.62 เมื่อปรียบเทียบกับปี 2559 และพบว่าคนไทยมีความต้องการบริโภคโกโก้จำนวนมาก จึงทำให้ตลาดโกโก้ในประเทศมีโอกาสขยายตัวได้มากขึ้น      
             โดยจากรายงานของผู้ผลิตช็อกโกแลตในประเทศไทย พบว่าปัจจุบันความต้องการบริโภคช็อกโกแลตของคนไทยต่อปีมีเพิ่มมากขึ้น เมื่อเทียบกับประเทศเบลเยียมอยู่ที่ 8 กิโลกรัม ต่อคน ต่อปี นอกจากนั้นโกโก้ยังสามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย อาทิ เครื่องดื่มช็อกโกแลตพร้อมชง เครื่องดื่มช็อกโกแลตพร้อมดื่ม ส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เบเกอร์รี่ รวมไปถึงการนำไปใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเครื่องสำอาง      
              อย่างไรก็ตามการจำหน่ายโกโก้ในรูปแบบของเมล็ดแห้งนั้น พบว่าปัจจุบันมีบริษัทเอกชนรับซื้อเมล็ดตากแห้งในราคากิโลกรัมละ 50 บาท เพื่อส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น ประเทศฝรั่งเศส ประเทศเยอรมนี และประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งถือว่าตลาดโกโก้ในไทยยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก
 
ข้อมูล ณ 1 พฤศจิกายน 2564